• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

ผู้ที่ประสบผลสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดอย่างนี้

Started by Cindy700, April 06, 2023, 04:24:10 AM

Previous topic - Next topic

Cindy700

ในระหว่างที่ยังเป็นนักเรียน หลายคนต่างเชื่อเสมอว่าถ้าได้ตั้งมั่นเรียน สอบติดคณะที่ใช่

ยิ่งมีโอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี แล้วก็ยิ่งเป็นอาชีพที่คนใดก็รู้จักเช่น เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิไปใหญ่ เพราะนอกจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีมากไม่น้อยเลยทีเดียวพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้มีความสุขยังเป็นอาชีพที่จัดว่า "มีหน้ามีตา" คนใดกันแน่ก็ต้อนรับกันหมด

แม้กระนั้นในโลกของข้อเท็จจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป

และก็ในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการระบุอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะเหตุใด ถ้าในที่สุดก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ เงินเดือนที่มิได้เยอะแยะอะไร ?"

ปัญหานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากมายเลย เนื่องจากว่ามันเต็มไปด้วยความคาดหวังที่มีความรู้สึกว่า

"เรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ถ้าเกิดทดลองกลายเป็นความนึกคิด "ฉันปฏิบัติงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันอาจดูประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แม้กระนั้นถ้าเกิดคิดๆดูแล้ว มันได้เรื่องเพลิดเพลินใจ มากกว่าการเสนอคำถามแบบแรกเพราะว่าข้อเท็จจริงของชีวิตเป็น

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในตัวเอง "ผิดแผก" กันไปเราไม่จำเป็นที่ต้องเก่งแบบเดียวกันหมด

2. ในรั้วโรงเรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยแม้กระทั่งพวกเราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งขนาดไหน

ขอบเขตวิชาความรู้มันก็เป็นเพียงความรู้ในรั้วเท่านั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น พวกเรายังจะต้องรู้เรื่องอีกมาก

ศึกษากันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกเยอะแยะเพราะฉะนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

ต้องดำเนินการสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำต้องทำงานสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอไป

3. มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจึงควรวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

เบาๆทำความเข้าใจ ค่อยๆปรับพฤติกรรมไป สิ่งที่พวกเรากำลังบันเทิงใจเดี๋ยวนี้ บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งในตอนนี้ ในภายหน้า มันอาจเป็นเพียงแค่ความทรงจำ

เพราะอาจมีหลายต้นสายปลายเหตุให้คิดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จำเป็นจะต้องพับโครงงานเรียนต่อเอาไว้

เพราะเงินไม่พอควรต้องดำเนินการหารายได้ก่อน แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลป์ที่เราชอบ ...

พวกเราจะต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (สิ่งที่จำเป็นของชีวิตแต่ละตอน


4. สิ่งที่พวกเราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ "การหล่อหลอม" หลายวิชามิได้

สอนเราทางตรง แต่ว่าให้เราค่อยๆดูดซับข้อดีแม้กระนั้นอย่างไปเอง ได้แก่ ฝึกฝนความทรหดอดทน, ฝึกฝนความประณีตบรรจง,

ฝึกหัดทักษะการเข้าสังคมในคราวหนึ่งที่พวกเรามองไม่เห็นคุณประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง เพียงพอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรมีบ้างล่ะที่เราคิดอะไรขึ้นมาจนกระทั่งจะต้องไปพบ อ่ า น ปัดฝุ่นตำราอีกที

ทุกวิชาความรู้ที่พวกเราได้รับ ไม่เคยเสียเปล่า เพียงแค่เราไม่เห็นค่ามันเอง ลองคิดดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราจะต้องมีหนทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตนเองจนถึงเกินไป อย่างเช่น หากวุฒิที่เราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำกว่านี้หางานไปก่อน?

หากพวกเรามิได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่สมควรเป็นสิ่งที่ได้ดั่งใจในทันทีมันเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่จำต้องแลกเปลี่ยนกับความอ่อนเพลีย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดแม้จะพบว่าเพราะเหตุไร ห ม อ

บางคนถึงแต่งเพลงได้?

ทำไมบางคนเรียนวิชาชีพแม้กระนั้นมาเป็นศิลปิน?

ทำไมบางคนเรียนไม่จบแต่บรรลุผลสำเร็จ?

หากยังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกรอบขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" พวกเราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะไม่มีทางเป็นไปได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้สึกตัวดีหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่?" และ

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกเรากลม แล้วก็มีหลายมิติ ใช่ว่าจำเป็นจะต้องดูเพียงแค่ด้านเดียว
ทำงานไม่ตรงสาย
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/